ทำไมหมึกแต่ละยี่ห้อจึงมีราคาแตกต่างกัน
จากหัวข้อด้านบนหลายคนคงเกิดความสงสัยว่าหมึกพิมพ์ทั้ง Ink jet และ Laser ในแต่ละยี่ห้อจึงมีราคาที่แตกต่างกัน ในบทความนี้ผมจะอธิบายให้ผู้อ่านหายสงสัยและมีความเข้าใจมากยิ่งขึ้น เกี่ยวกับหมึกพิมพ์ที่เราเลือกซื้อกัน โดยสามารถแยกเป็นข้อๆเพื่อง่ายต่อการอ่านดังนี้ครับ
1.คุณภาพของหมึกพิมพ์ โดยปกติแล้วแต่ละโรงงานที่ผลิตหมึกออกมาจำหน่ายจะมีหมึกให้เลือกหลายเบอร์มาก ซึ่งแต่ละเบอร์ก็จะมีราคาและคุณภาพที่แตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับว่าผู้ซื้อต้องการคุณภาพและราคาเท่าไร หากหมึกที่มีราคาถูกคุณภาพทั้งในเรื่องโทนสี การอุดตัน การคงทนต่อสภาพแวดล้อมก็จะต่ำลงไปด้วย ในทางตรงกันข้าม เมื่อหมึกที่มีราคาที่สูงขึ้นคุณสมบัติก็จะดีขึ้นตามลำดับ เช่น
-หมึกรหัส EP-R230A ราคา ลิตรละ 2000 บาท
-หมึกรหัส EP-R230B ราคา ลิตรละ 1000 บาท
หมึกทั้ง 2 เบอร์จะมีความแตกต่างกันทั้งในเรื่องโทนสีและคุณภาพขึ้นอยู่ว่าจะเลือกซื้อแบบไหนมา และหมึกแต่ละโรงงานก็จะแตกต่างกันออกไป ทั้งราคาและคุณภาพ แต่หมึกในระดับเดียวกันส่วนมากแต่ละโรงงานจะมีราคาใกล้เคียงกัน
2.ประเทศ และปริมาณการสั่ง โรงงานของหมึกพิมพ์ส่วนมากจะย้ายฐานการผลิตมาที่จีนเกือบหมดจะมีอยู่ที่ประเทศอื่นๆน้อยมาก เพราะต้นทุนการผลิตของประเทศจีนจะค่อนข้างต่ำกว่าประเทศอื่น ยิ่งสั่งประเทศที่ไกลเท่าไร ต้นทุนก็จะสูงตามไปด้วย
3.ต้นทุนการจัดการ ของบริษัทที่นำเข้า เงินเดือนพนักงาน โบนัน โฆษณา และอื่นๆจะถูกบวกเข้าไปในราคาหมึกที่จำหน่ายทำให้มีราคาที่แตกต่างกันออกไป
หมึกพิมพ์ปัจจุบันมีให้เลือกมากมายหลายยี่ห้อ สิ่งที่ผู้ใช้ควรใช้ประกอบการตัดสินใจซื้อคือ
1.หมึกเติมหรือหมึกเทียบเท่ารวมไปถึงระบบ INk Tank เป็นการดัดแปลงจากของเดิมที่มีอยู่ดังนั้นอาจจะเกิดปัญหาในการใช้งาน ดังนั้นต้องเลือกร้านหรือยี่ห้อที่ดูแลคุณได้หลังการขาย
2.คุณภาพของหมึกยี่ห้อนั้นๆเมื่อเทียบกับราคาที่เราเสียไป
3.การใช้งานของคุณเอง เช่นหากต้องการใช้งานที่มีคุณภาพสูงก็ควรเลือกหมึกที่ดี อาจจะมีราคาแพงสักหน่อยแต่คุณภาพเป็นที่พอใจ หรือหากไม่เน้นคุณภาพสี เน้นถูกและไม่อุดตันก็อาจจะซื้อหมึกแบบถูกๆไปใช้งาน
4.หากข้อมูลของหมึกยี่ห้อนั้นก่อนตัดสินใจซื้อ
บทความนี้เขียนเพื่อเป็นแนวทางการตัดสินใจ สำหรับลูกค้า
Comments powered by CComment